เมื่อต้องซื้อรถโฟล์คลิฟท์ มาสำรวจความแตกต่างและข้อดีของรถแต่ละประเภทกัน

LPG VS ดีเซล VS ไฟฟ้า

        เมื่อพูดถึงโฟล์คลิฟท์ บางท่านอาจจะยังสับสนว่าจะเลือกยังไงดีระหว่าง LPG , ไฟฟ้า หรือดีเซล ทั้ง 3 ประเภทนี้เหมาะสมกับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน กำลังการยกและขนาดอาจแตกต่างกันบ้าง ดังนั้นคุณจะทราบได้ยังไงว่าแบบไหนที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ
        วันนี้ทางทีมงาน วังจำปา แมชชีน ได้รวบรวมข้อดีและเปรียบเทียบความแตกต่างของโฟล์คลิฟท์แต่ละประเภทแบบสรุปสั้นๆ เข้าใจง่ายมาให้ดูกันค่ะ

1) LPG FORKLIFT
        หรือที่รู้จักกันคือโฟล์คลิฟท์แบบใช้ถังแก๊ส เป็นตัวเลือกที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบันสำหรับผู้ประกอบการที่มองหารถโฟล์คลิฟท์ที่สามารถใช้งานได้ทั้งวันทั้งคืน ราคาไม่แพง และใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
        ข้อดี
        • ค่าใช้จ่ายต่ำ เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิง ดีเซล และ เบนซิน
        • ไม่ทำให้เสียเวลาสูญเปล่า เนื่องจากเมื่อเชื้อเพลิงหมด
สามารถยกถังแก๊สเปลี่ยนแล้วใช้งานต่อได้เลย
        • มีกำลังดีกว่าหากเทียบกับรถไฟฟ้าขนาดเท่ากัน
        • สามารถยกได้มากถึง 7 ตัน ( ในรถ LPG ขนาดใหญ่)
        • สามารถใช้งานได้ทั้ง indoor และ outdoor

2) Electric forklift ( รถไฟฟ้า)
        หากธุรกิจของคุณกำลังมองหารถโฟล์คลิฟท์ที่เงียบ ไม่มีปล่อยไอเสียหรือมลพิษ ใช้งานในอาคาร รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้นได้ดีทีเดียว
        ข้อดี
        • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากไม่มีมลพิษและเขม่าควัน ต่างจากรถโฟล์คลิฟท์ LPG และดีเซล
        • เสียงเงียบ เบา
        • ขนาดรถเล็กกว่า โฟล์คลิฟท์ LPG และดีเซล ในกำลังยกที่เท่ากัน เหมาะสำหรับใช้งาน indoor ในwarehouse หรือโกดังที่มีพื้นที่น้อย
        • ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่าโฟล์คลิฟท์ LPG และดีเซล เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์หรือหม้อน้ำ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมตรงจุดนี้
        • หากใช้งานเยอะต่อวันทางบริษัทสามารถสำรองแบตเตอรี่ เพื่อสับเปลี่ยนระหว่างที่นำอีกลูกไปชาร์จ
        • ไม่ต้องสต๊อกเชื้อเพลิงอันตราย เนื่องจากสามารถชาร์จไฟจากตู้ชาร์จที่ติดตั้งได้เลย

3) Diesel Forklift ( โฟล์คลิฟท์ดีเซล)
        หากธุรกิจของคุณต้องการรถโฟล์คลิฟท์ที่สามารถใช้งานหนักได้ดี เหมาะสำหรับทำงาน outdoor โฟล์คลิฟท์ดีเซลคือสิ่งที่ตอบโจทย์ที่สุดแล้วในบรรดาโฟล์คลิฟท์ทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น
        ข้อดี
        • มีกำลังยกที่มากที่สุดในบรรดาทุกประเภทของโฟล์คลิฟท์ โฟล์คลิฟท์ดีเซลสามารถยกได้สูงสุดถึง 25 ตัน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับงานหนัก
        • เนื่องด้วยเครื่องยนต์มีแรงบิดสูงเมื่อเปรียบเทียบกับโฟล์คลิฟท์ LPG ดังนั้นโฟล์คลิฟท์ดีเซลจึงสามารถเร่งความเร็วได้ดีกว่าในพื้นที่ลาดชันและความเร็วในการยกเร็วกว่า
        • เหมาะสำหรับใช้งาน Outdoor
        • ประหยัดน้ำมันกว่าถ้าเทียบกับรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้เชื้อเพลิงเบนซิน และใช้งานได้ยาวนานกว่า เนื่องจากถังของโฟล์คลิฟท์ดีเซลจุได้ที่ประมาณ 50 L

ข้อดี VS ข้อเสียของรถโฟล์คลิฟท์แต่ละประเภท
ด้านการใช้งาน
เหมาะกับการใช้งาน "OUTDOOR"
เหมาะกับการใช้งาน "INDOOR"
เหมาะกับการใช้งาน หนักต้องการรอบบิดสูง
เหมาะกับการใช้งาน ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
สามารถเติมเชื้อเพลิงได้อย่างรวดเร็ว
ด้านความคุ้มค่า
ค่าใช้จ่ายในการ สิ้นเปลืองพลังงาน High High Low
ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา High Medium Low
ราคาซื้อ Medium High Medium
ด้านความปลอดภัย
มลพิษ Low High None
เสียงรบกวน Medium High Low
เกิดความร้อนสะสม Medium High None

ข้อสรุป
        การพิจารณาเลือกซื้อรถฟอร์คลิฟท์ ไม่ว่าจะระบบไหนสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรคำนึงถึงคือ การใช้งานเป็นหลัก เพราะรถที่ใช้ต้องเหมาะกับลักษณะหน้างาน จึงสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพทั้งของตัวรถเอง รวมถึงส่งผลสูงสุดต่อคุณภาพงานและให้ได้ปริมาณงานที่มากในธุรกิจคุณเอง ทางบริษัทวังจำปา แมชชีน หวังว่า ข้อมูลนี้จะสามารถใช้ในการตัดสินใจได้ว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับรถโฟล์คลิฟท์ประเภทไหน ขอให้ได้รถที่ถูกใจและทำงานได้ประสิทธิภาพสูงสุดกันนะคะ หากสนใจรถประเภทไหนหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อทางวังจำปา แมชชีน ได้เสมอนะคะ ทางเรายินดีให้บริการค่ะ